Chapter1


part1

     ในยุคปัจจุบัน หรือในปีคริสต์ศักราช 2138นั้นมีคำว่า DMMO-RPG
     คำนี้ย่อมาจาก 'Dive Massively Multiplayer Online Role 
Playing Game' เครือข่ายนาโนคอมพิวเตอร์ภายในสมองที่เกิดจากการรวม
กันของสุดยอดวิทยาการด้านไซเบอร์และนาโนเทคโนโลยี..การเชื่อมโยง
กันระหว่างนิวโรนนาโนอินเตอร์เฟสกับแผงควบคุมแบบเฉพาะ เป็นเกมเสมือนจริง
    
     สรุปคือเป็นเกมที่เล่นได้เหมือนกับเข้าไปอยู่ในโลกของเกมส์นั้นจริงๆ นั่นเอง

     ในบรรดาเกม DMMO-RPG  ที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมายนั้น มี่เกมที่
โดดเด่นกว่าใครอยู่เกมหนึ่ง
    
     YGGDRASIL (อิกดราซิล)

     เกมซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตของญี่ปุ่น และถูกวางจำหน่ายเมื่อสิบสองปีก่อน
หรือก็คือในปี 2126 นั่นเอง

    เที่ยบกับเกม DMMO-RPGอื่นๆ ในยุคนั้นแล้ว อิกดราซิลถือเป็น
เกมที่ 'เพลเยอร์มีความอิสระอยู่ในระดับสูงจนน่าตกใจ' เลยทีเดียว

    ถ้ารวมคลาส (อาชีพ) ปกติกับคลาสชั้นสูงเข้าด้วยกัน จำนวนของ
คลาสพื้นฐานก็มีมากกว่าสองพันประเภท

   เนื่องจากแต่ละคลาสสามารถอัพเลเวลได้สูงสุดถึงแค่เลเวลสิบห้า
ดังนั้นหากต้องการให้เลเวลรวมไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยซึ่งเป็็นระดับสูงสุด จึง
ต้องเอาคลาสมารวมกันเจ็ดประเภทขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้น หากเตรียมเงื่อนไข
ล่วงหน้าบางอย่างงไว้ ก็ 'แอบโกง' ได้เช่นกัน และแม้จะเป็นวิธีที่ไม่ค่อย
มีประสิทธิภาพนัก แต่ถ้าต้องการก็นำเลเวลหนึ่งจำนวนร้อยประเภทมา
รวมกันได้ ซึ่งหมายความว่าเป็นระบบที่หากไม่ตั้งใจจริงๆ จะไม่มีทางสร้าง
คาแร็คเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนกันได้อย่างเด็ดขา

    รูปลักษณ์ภายนอกก็ใช้ครีเอตทลูที่ขายแยก มาดัดแปลงข้อมูล
คุณสมบัติภายในหรือคุณสมบัติภายนอกของอาวุธและอุปกรณ์สวมใส่
รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเราเอง รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยของที่อยู่ออาศัย
ในครอบครองได้ด้วย
   
    สิ่งที่รอคอยเหล่าเพลเยอร์ที่เข้ามา ผจญภัยในโลกนั้นคือเเผนที่ของ
โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมีทั้งหมดเก้าโลก อันประกอปไปด้วย
แอสการ์ด อัลฟ์ไฮม์ วานาไฮม์ นิดาเวลลีร์ มิดการ์ด โยทันไฮม์ นิฟล์ไฮม์
เฮลไฮม์ และมุสเปลไฮม์

    โลกอันกว้างใหญ่ คลาสหลากหลายชนิด และรูปลักษณ์ภายนอกที่
ดัดแปลงได้ดั่งใจ

    เนื่องจากมีลูกเล่นมากมายเหมือนเอาระเบิดไนโตรยัดลงไปใน
จิตวิญญาณครีเอเตอร์ชาวญี่ปุ่น ทำให้เกมนีได้รับความนิยมแบบระเบิด
เถิดเทิง ขนาดที่หากว่าพูดถึง DMMO-RPG ของญี่ปุ่นก็ต้องหมายถึงอิกดราซิล
กันเลยทีเดียว
   
     .....แต่นั้นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต



    บริเวณใจกลางห้องมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่แปล่งประกายแสงของหิน
ออบซิเดียน เก้าอี้เลิศหรูจำนวนสี่สิบเอ็ดตัวรายล้วมโต๊ะนั้น
    
    แต่เเทบไม่มีคนนั้งอยู่เลย
    เก้าอี้ซึ่งในอดีตเคยมีสมาชิกนั่งอยู่ครบ กลับมีเงาเพียงสองร่าง
    ผู้นั่งเก้าอี้ตรงสุดมุมหนึ่ง สวมชุดครุยสีดำสนิทหรูหราเดินขอบ
สีทองและม่วง บริเวณคอเสื้อมีเครื่องประดับมากมายแต่กลับดูกลมกลืน
อย่างประหลาด

    เพียงแต่ส่วนศรีษะที่โผล่พ้นคอเสื้อเป็นหัวกระโหลกไร้ซึ้งเนื้อหนัง
ภายในเบ้าตากลวงโบ๋มีแสงสว่างสีดำแดง และบริเวณหลังศรีษะก็เปล่งแสง
สว่างคล้ายรัศมีสีดำ

    ผู้ที่อยู่บนเก้าอี้อีกตัวก็ไม่ใช่มนุษย์ เป็นก้อนข้นเหลวสีดำที่ผิวนอก
กระเพื่อมไหวไปมาราวกับน้ำมันดิน ไม่อาจคงรูปทรงได้แม้แต่วินาทีเดียว

     คนแรกคือโอเวอร์ลอร์ด (ผู้ควบคุมความตาย) ผู้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด
ของเอเดอร์ลิช (จอมขมังเวทแห่งผู้วายชนม์)  ...เมจิกเเคสเตอร์ (ผู้ร่ายเวท)
ที่กลายร่างเป็นอันเดดเพื่อแสวงหาสุดยอดเเห่งเวทมนต์ ส่วนอีกฝ่ายคือ
เอลเดอร์ แบล็ก อูซ (ร่างเหนียวดำแห่งบรรพกาล) เผ่าที่มีพลังกรดหลอม
เหลวทรงอานุภาพจนเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของเผ่าพันธ์สไลม์
     ไม่ว่าฝ่ายใดก็ล้วนเป็นมอนสเตอร์ที่พบได้เป็นครั้งคราวในดันเจี้ยน
ที่มีระดับความยากสูงสุด โดยโอเวอร์ลอร์ดมักใช้เวทมนต์ชั่วร้ายระดับสูง
ส่วนเอลเดอร์ แบล็ก อูซก็มีพลังในการลดประสิทธิภาพของอาวุธและเครื่อง
ป้องกัน จึงมีคนเกลียดขี้หน้าอยู่มากมาย
       
       ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ตัวจริง
       เป็นเพลเยอร์
       เผ่าพันธ์ในเกมอิกดราซิลที่เพลเยอร์เลือกเป็นได้นั้น โดยภาพใหญ่
แล้วจะแบ่งเป็นเผ่าพื้นฐานเด่นๆ เช่น มนุษย์ ดวาฟ เอลฟ์ เผ่าอมนุษย์
เช่น ก็อปลิน ออร์ค หรือโอเกอร์ ที่แม้รูปร่างภายนอกจะน่าเกลียดนน่ากลัว
แต่มีความสามารถมากกว่าเผ่ามนุษย์หลายเท่า และเผ่าพิศดาลที่มีความ
สามารถของมอนสเตอร์และค่าความสามารถต่างๆ สูงกว่าเผ่าอื่น แต่แลก
กับข้อจำกัดในหลายด้าน หากรวมสายพันธ์ระดับสูงของเผ่าเหล่านี้เข้าไป
ด้วยแล้ว ก็จะมีสายพันธ์มากกว่าเจ็ดร้อยสายพันธ์เลยทีเดียว

     แน่นอนว่าโอเวอร์ลอร์ดและเอลเดอร์ แบล็ก อูซคือหนึงในระดับสูง
ของเผ่าพิศดาลที่เพลเยอร์สามารถเลือกเล่นได้

     หนึ่งในสองคนนั้น โอเวอร์ลอร์ดเปล่งคำพูดโยไม่ขยับริมฝีปาก
แม้จะเป็น DMMO-RPG  ระดับสุดยอด แต่ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ทำให้
เปลี่ยนสีหน้าตามบทสนทนา

      "ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ คุณเฮโรเฮโร ถึงจะเป็นวันสุดท้ายที่
อิกดราซิลเปิดให้บริการ แต่บอกตามตรง ผมไม่คิดว่าคุณจะยอมมาจริงๆ''
      
      "ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ คุณโมมอนกะ"
      
      มีเสียงชายหนุ่มตอบกลับมาเช่นกัน แต่เทียบกับเสียงของคนแรกแล้ว
ถือว่ากระด้าง หรือควรบอกว่าไม่มีชีวิตชีวาเท่าไรนัก
      
       "ตั้งแต่โดนย้ายงานในโลกความจริง เวลาผ่านไปขนาดนั้นแล้วเนี่ย?
.....ประมาณสองปีได้ไหมนะ?"

      "เอ่อ น่าจะประมาณนั้นล่ะครับ ว้า เวลาผ่านไปขนาดนั้นแล้วหรือ
เนี่ย...แย่เลยแฮะ เอาแต่ทำโอทีจนลืมวันลืมคืนเลย''
    
       "แบบนั้นเข้าขั้นอันตรายแล้วนะ? ไม่เป็นไรแน่หรือครับ"
       "ร่างกายน่ะหรือ ย่ำแย่เลยครับ ถึงจะยังไม่อันตรายขนาดต้อง
ไปหาหมอ แต่ก็คงใกล้แล้วล่ะ บอกตามตรงเลยว่าอยากหนีแทบตาย แต่ถ้า
ไม่หาเงินก็ไม่มีไรกินด้วยสิ ต่อให้โดนใช้งานเยี่ยงทาศก็ต้องตั้งหน้าตั้งตา
ทำงานนั่นแหละครับ"

      "เหวอ"
      โอเวอร์ลอร์ด....โมมอนกะถึงกับทำท่าผงะ
      "แย่จริงๆ เลยละครับ"

      เฮโรเฮโรปล่อยเสียงมืดมนสมจริงจนไม่น่าเชื่อ ราวกับลุกไล่โมมอนกะ
ที่ทำท่าผงะอย่างเต็มที่
      
      ทั้งคู่พากันบ่นเรื่องการทำงานในโลกความเป็นจริงต่อ
      ทั้งเรื่องลูกน้องไม่รู้จักมารายงาน ติดต่อ และปรึกษา เอกสาร
ข้อมูลจำเพาะที่ต่างกับเมื่อวานคนละเรื่อง หรือโดนหัวหน้าต่อว่าที่ทำไม่ได้
ตามเป้า งานยุ้งจนไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการใช้
ชีวิตไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงยาที่ต้องกินเพิ่มขึ้นทุกวัน

      เฮโรเฮโรบ่นระบายความในใจราวเขื่อนแตก จนในที่สุดโมมอนกะ
ต้องนั่งฟังฝ่ายเดียว

      ปกติแล้วคนส่วนมากไม่ค่อยชอบเอาเรื่องในโลกแห่งความจริงมาคุย
ในโลกจำลอง
      
      แต่ทั้งสองคนก็ไม่คิดเช่นนั้น

      'ไอนซ์ อูล โกว์น' กิลด์...ทีม.ึ่งตั้งขึ้นโดยพวกพ้องเพลเยอร์ด้วยกันน...
ที่พวกเขาสังกัดดังนั้น มีข้อตกลงอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งคือ สมาชิกที่เข้าร่วมได้ต้อง
เป็นคนทำงาน ส่วนอีกข้อคือ ต้องเป็นคาแรคเตอร์เผ่าพิศดาร

      เนื่องจากเป็นกิลด์แบบนั้น จึงมีคนเอาเรื่องงานในโลกความเป็นจริง
มาบ่นอยู่บ่อยครั้งและสมาชิกในกิลด์ต่างก็รับฟัง จะบอกว่าบทสนทนาของ
ทั้งคู่เป็นเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของไอซ์ อูล โกว์นก็ไม่ผิด

      หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร เฮโรเฮโรก็ได้ระบายความอัดอั้นตันใจ
ออกมาจนหมด

      "...ขอโทษที่เอาแต่บ่นนะครับ แต่เวลาอยู่ทางนั้นมันพูดเรื่องแบบนี้
ไม่ได้"
     
      เฮโรเฮโรขยับส่วนที่น่าจะเป็นศรีษะลงมาเหมือนค้อมศรีษะให้
โมมอนกะ

    "ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ คุณเฮโรเฮโร ทั้งที่เหนื่อยขนาดนั้นแต่
อุตส่าห์ยอมมา เรื่องแค่นี้ผมรับฟังได้อยู่แล้ว"

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฮโรเฮโรก็หลุดหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ฟังสดชื่นกว่า
เมื่อสักครู่

     "ฮะๆ ขอบคุณจริงๆ ครับ คุณโมมอนกะ ผมก็ดีใจเหมือนกันที่ได้
ล็อคอินมาเจอกับพวกพ้องที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน"

     "ดีใจที่คุณพูดแบบนั้นครับ"

     "แต่คงได้เวลาแล้วละ"

     เฮโรเฮโรยื่นแขนสำหรับสัมผัสไปควบคุมบางอย่างในอากาศ เขา
กำลังกดแผงควบคุมนั่นเอง

     "อ้อ ได้เวลาแล้วจริงๆด้วยนะครับ..."

     "ขอโทษนะครับ คุณโมมอนกะ"
     โมมอนกะหายใจเบาๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ถีงความรู้สึกเบื้องลึกในใจ

     "งั้นหรอครับ น่าเสียดายจัง...เวลาแห่งความสนุกสนานที่สั้นจริงๆ"

     "ความจริงก็อยากอยู่ด้วยจนนาทีสุดท้าย แต่ง่วงจนทนไม่ไหวแล้วนี่สิ"
     
     "เอ่อ คงเหนื่อยสินะครับ รีบล็อกเอาท์ไปพักผ่อนเถอะ"

     "ขอโทษจริงๆ นะครับ...แล้วคุณโมมอนกะ ไม่สิ หัวหน้ากิลด์จะเอา
อย่างไรหรอครับ

     "ผมคงอยู่จนกว่าจะโดนบังคับล็อกเอาต์ตอนปิดให้บริการครับ ยัง
เหลือเวลาอยู่ด้วย บางทีอาจมีใครมาอีกก็ได้"

     "งั้นหรอครับ...แต่บอกตามตรง ผมไม่คิดว่าที่นี่จะยังอยู่นะเนี้ย"
      
     ในเวลาแบบนี้ถือว่าโชคดีที่ไม่มีฟังก์ชั่นแสดงสีหน้า เพราะหากมี
โมมอนกะคงเบ้หน้าแน่นอน แต่เสียงพูดนั้นก็แสดงความรู้สึกได้ โมมอนกะ
จึงปิดปากเงียบเพื่อสะกดความรู้สึกของตนไว้

     ทั้งที่ทุกคนช่วยกันสร้างและรักษาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่หนึ่ง
ในพวกพ้องกลับพูดแบบนี้เสียได้ จึงไม่แปลกที่เขาจะสับสนจนไม่รู้ว่าควร
รู้สึกเช่นไร แต่คำพูดถัดไปของเฮโรเฮโรก็ทำให้ความรู้สึกนัั้นหายไปสิ้น

      "ขอบคุณมากครับ คุณโมมอนกะทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้ากิลด์
คอยรักษาที่นี่ไว้ให้พวกเรากลับมาทุกเมื่อสินะครับ"

       "เพราะทุกคนช่วยกันสร้างขึ้นมาน่ครับ การรักษาเอาไว้เพื่อให้
ทุกคนกลับมาได้ตลอดเวลา คืองานของหังหน้ากิลด์เหมือนกัน!"

       "เพราะมีคุณโมมอนกะเป็นหัวห้ากิลด์ พวกเราถึงได้สนุกกับเกม
ขนาดนั้น...ถ้าคราวหน้าเจอกันในอิกดราซิลIIก็คงดีนะครับ"

        "ถึงจะไม่เคยได้ยินข่าวลือของIIก็เถอะ...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดี
นะครับ"
    
         "ถึงตอนนั้นก็มาเล่นด้วยกันอีกนะครับ! ถ้าเช่นนั้น ผมขอล็อกเอาท์
ล่ะ...หนังตาจะปิดเเล้วแล้ว ผมดีใจมากนะครับที่ได้พบกันเป็นครั้งสุดท้าย
ขอบคุณที่ผ่านมาครับ"
   
         "อึก" โมมอนกะอึ้งไปแวบนึงแต่ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดสุดท้ายออก
มา"เช่นกันครับขอบคุณสำหรับที่ผ่านมาครับ"

         บนศรีษะของเฮโรเฮโรปรากฏไอคอนแสดงความรู้สึกรูปรอยยิ้ม
เนื่องจากอิกดราซิลไม่สามารถแสดงสีหน้าได้ เวลาอยากแสดงความรู้สึก
จึงใช้ไอคอนแทน

        โมอมนกะก็บังคับแผงควบคุม แสดงไอคอนรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
        
         จากนั้นเฮโรเฮโรก็พูดทิ้งท้ายว่า
       
         "แล้วพบกันใหม่ที่ไหนสักแห่งนะครับ"
  
         ...และแล้วสมาชิกหนึ่งในสามคนสุดท้ายที่ยอมมาที่นี่ก็หายตัวไป
   
         และความเงียบงัน...ชนิดไม่น่าเชื่อว่าเมื่อครู่ยังมีคนอยู่ หวนกลับมา
ครอบคลุมภายในห้องอีกครั้ง โดยไม่เหลือทั้งเสียงสะท้อนหรือร่องรอยอะไรไว้

         โมมอนกะมองเก้าอี้ของเฮโรเฮโร ก่อนเอ่ยคำที่คิดอยากพูดเมื่อครู่

          "วันนี้เป็นวันปิดให้บริการทั้งที ผมเข้าใจว่าคุณเหนื่อย แต่มาอยู่
ด้วยกันจนถึงวินาทีสุดท้ายไหมครับ...

          แน่นอนว่าไม่มีคำตอบกลับ เพราะเฮโณเฮโรได้ล็อกเอาท์กลับไปยัง
โลกแห่งความจริงแล้ว

         "เฮ่อ"


         โมมอนกะถอนหายใจจากก้นบึ้งของหัวใจ
          จะพูดแบบนั้นได้อย่างไร
          แค่ฟังจากน้ำเสียงและบทสนทนาสั้นๆ ก็รู้ว่าเฮโณเฮโรเหนื่อยล้า
มาก ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังอุตส่าห์ตอบรับอีเมลที่ตนส่งไป และยอมมาในวันปิด
ให้บริการ...วันสุดท้ายของอิกดราซิลแบบนี้ แค่นั้นก็ต้องขอบคุณแล้ว
หากขอร้องมากไปกว่านี้จะสร้างความเดือดร้อนให้เปล่าๆ

          โมมอนกะมองเก้าอี้ที่เฮโรเฮโรนั่งอยู่จนถึงเมื่อสักครู จากนั้นกวาด
สายตามองเก้าอี้ทั้งสามสิบเก้าตัวซึ้งเป็นเก้าอี้ของพวกพ้องคนอื่นไปเรื่อยๆ จน
กลับมายังเก้าอี้ของเฮโณเฮโรอีกครั้ง

           "แล้วพบกันใหม่ที่ไหนสักแห่งครับ...งั้นหรอ"
   
           แล้วสักวันค่อยเจอกัน
           ไว้เจอกันใหม่นะ
            แม้จะเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ไม่เคย
เกิดขึ้นจริงสักครั้ง

            ไม่มีใครกลับมาที่อิกดราซิลแม้แต่คนเดียว

             "สักวันคงได้พบกันอีกที่ไหนสักแห่งนะ..."

             ไหล่ของโมมอนกะสั่นเทิ้ม หลังจากปิดปากเงียบอยู่นาน เขาก็พ่น
ใจจริงออกมา
  
               "...ไม่ตลกนะเฟ้ย!"

               โมมอนกะตะโกนพร้อมใช้สองมือทุบโต๊ะ
                ระบบของอิกดราซิลพิจารณาว่าเป็นการโจมตีโต๊ะด้วยมือเปล่า จึง
ทำการคำนวนแล้วแสดงตัวเลข '0' ขึ้นบริเวณที่โมมอนกะทุบ

                "ที่นี่คือมหาสุสานใต้พิภพนาซาลิคที่ทุกคนช่วยกันสร้างไม่ใช่รึไง!
ทำไมถึงกล้าทิ้งไปได้ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ!

                 สิ่งที่ตามมาหลังจากความโกรธเกรี้ยวคือความอ้างว้าง
  
                 "ไม่สิ ไม่ได้ทิ้งง่ายๆ หรอก แค่ถูกให้เลือกระหว่างความเป็นจริง
กับความเพ้อฝันเท่านั้น มันช่วยไม่ได้ ไม่มีใครหักหลังใครสักหน่อย ทุกคน
ก็ต้องจำใจเลือกเหมือนกันแหล่ะ"

                 โมมอนกะบนเหมือนพูดให้ตัวเองฟังแล้วลุกจากเก้าอี้ ปลายทางที่
เขาเดินไปคือไม้เท้าด้ามหนึ่งที่ประดับไว้บนผนัง

                 ...สิ่งที่สร้างเลียนแบบคาดูเซียสอันเป็นคทาของเทพเฮอมิสนั้น
มีรูปร่างเป็นงูเจ็ดตัวเรื้อยพัวพันกัน ในปากงูแต่ละตัวคาบอัญมณีสีต่างกัน
ตัวด้ามก็ทำจากวัสดุโปร่งอสงคล้ายผลึกแก้วเปล่งประกายสีฟ้าขาว

               ของที่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเป็นของชั้นหนึ่งนั้น คืออาวุธประจำกิลด์
ที่แต่ละกิลด์จะมีได้เพียงชิ้นเดียว จะบอกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของไอ.์ อูล
โกว์นก็ได้

              ทำไมอาวุธที่ควรอยู่ในมือของหัวหน้ากิลด์ทำไมถึงถูประดับอยู่ในห้องนี้นะหรือ

              เพราะมันเป็นสํญลักณษ์ของกิลด์
              ถ้าอาวุธประจำกิลด์ถูกทำลาย ย่อมหมายถึงการล่มสลายของกิลด์
ดังนั้นส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกนำมาสำแดงอานุภาพ แต่จะเก็บไว้ในที่
ปลอดภัยที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ที่กิลด์ระดับแนวหน้าอย่างไอซ์ อูลโกว์นด้วย

                เรื่องนี้คือสาเหตุที่โมมอนกะไม่เคยถือมันสักครั้ง ทั้งที่มันถูกทำขึ้น
มาให้เหมาะกับหัวหน้ากิลด์อย่างเขา

                โมมอนกะยื่นมือไปยังไม้เท้าแล้วชะงักไป เขานึกลังเลว่าควรทำให้
ความทรงจำอันเจิดจ้าที่ทุกคนร่วมสร้างกันมาต้องแปดเปื้อนในวินาทีนี้...
วินาทีสุดท้ายของการให้บริการอิกดราซิลอย่างนั้นหรือ


               วันคืนที่ร่วมผจญภัยกับทุกคนเพื่อสร้างอาวุธประจำกิลด์ขึ้นมา
                ตอนแบงทีมกันค้นหาวัสดุ ตอนถกเถียงกันว่าจะสร้างออกมา
ในรูปร่างใด กระทั้งวินาทีที่รวบรวมความคิดเห็นของแต่ละคน และสร้างมัน
ขึ้นทีละนิด

                 ตอนั้นเป็นยุคเฟื้องฟูของไอซ์ อูล โกว์น...ยุคที่เปล่งประกายเจิดจ้าที่สุด

                  มีทั้งคนที่ลากสังขารซึ่งเหนื่อยล้าจากการทำงานมาที่นี่ คนที่ยอม
เสียสละเวลาอยู่กับครอบครัวจนทะเลาะกับภรรยา รวมทั้งมีคนที่ยิ้มแย้ม
ในที่สุดก็ขอลาพักร้อนมาจนได้

               บางครั้งก็ใช้เวลาคุยกันเป็นวัน เฮฮากันด้วยเรื่องบ้า บอๆ ไม่ก็
วางแผนผจญภัยและล่าสมบัติ เคยทั้งบุกปราสาทซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกิลด์
ฝ่ายตรงข้ามและเข้าพิชิตได้ ตอนโดนพวกมอนเตอร์ที่เป็นบอสลับสุดแกร่ง
ที่เรียกว่าะดับเวิลด์เอเนมีถล่มจนเกือบย่อยยับ ตอนไปเจอทรัพยากรณ์ที่ยัง
ไม่เคยมีใครค้นพบ รวมถึงตอนที่ปล่อยมอนสเตอร์ต่างๆ ไว้ในฐานที่มั่นเพื่อ
กวาดล้างเพลเยอร์ที่บุกรุกเข้ามา

            แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เเล้ว
            สามสิบเจ็ดคนจากสี่สิบเอ็ดคนเลิกเล่นเกม ส่วนอีกสามคนยังมีชื่อ
อยู่ในฐานกิลด์ก็จริง แต่จำไม่ได้ว่านอกจากวันนี้แล้วเคยมาที่นี่
ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

            โมมอนกะเปิดหารทำงานของแผงควบคุม เชื่อมต่อเข้าไปดูข้อมูล
อย่างเป็นทางการ และเห็นอันดับของกิลด์อยูู่ในบรรดาข้อมูลเหล่านั้น ทั้งที่
เมื่อก่อนเคยอยู่อันดับเก้าจากจำนวนกิลด์ที่มีอยู่แปดร้อยกว่ากิลด์ แต่ตอน
นี้ร่วงมาอยู่อันดับยี่สิบเก้า ตอนที่อันดับต่ำสุดเคยร่วงไปอยู่ที่อันดับ
สี่สิบแปดเลยทีเดียว

             สิ่งที่ช่วยไม่ให้หล่นไปอันดับต่ำกว่านั้นไม่ใช่โมมอนกะ แต่เป็นไอเท็ม
ที่พวกพ้องเหลือไว้ให้...เพราะสิ่งที่หลงเหลือจากในอดีตต่างหาก

              ถึงตอนนี้จะกลายเป็นกิลด์ที่ไม่ต่างจากซาก แต่ก็มียุคที่เคยเจิดจรัส
เช่นกัน

              ...และผลึกแห่งความรุ่งโรจน์นั้น
              คืออาวุธประจำกิลด์...สตาฟ อฟฟ ไอซ์ อูล โกว์น

            
              โมมอนกะไม่อยากนำอาวุธที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเจิดจรัสมา
เกลือกกลั่วกับยุคที่เหลือเเต่ความตกต่ำแบบนี้ แต่ในใจที่มีความรู้สึกที่ตรง
ข้ามอยู่ด้วย

               ไอซ์ อุล โกว์นให้ความสำคัญกับเสียงข้างมาก แม้โมมอนกะจะเป็น
หัวหน้ากิลด์ แต่หน้าที่ของเขาคืองานจิปาถะอย่างคอยติดต่อประสานงาน
ทั่วไปเท่านั้น

                อาจเป็นเพราะเหตุนั้นก็ได้
                เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว เขาจึงอยากลองใช้สิทธิในฐานะหัวหน้ากิลด์เป็น
ครั้งแรก

               "แต่ในสภาพแบบนี้ก็ออกจะทุเรศไปหน่อยแฮะ"

               โมมอนกะเปรยพลางบังคับแผงควบคุม เพื่อติดตั้งอาวุธให้เหมาะสม
กับผู้ที่เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ระดับสุดยอด

               ยุทธภัณฑ์ในอิกดราซิลนั้นจะแบ่งตามความมากของปริมาณข้อมูล
หมายความว่ายิ่งมีข้อมูลมากก็ยิ่งเป็นอาวุธระดับสูง โดยจะเริ่มจากระดับ
ล่างสุด ระดับล่าง ระดับกลาง ระดับสูง ระดับกาแลคซี (มรดก)
ระดับเรริค (มรดกศักดิ์สิทธิ์) ตามด้วยระดับเลเจนด์ (ตำนาน) และระดับ
สุดยอด...ระดับก็อดส์ (เทวภัณฑ์) ที่เขาใช้หุ้มกาย

               บนนิ้วทั้งสิบที่มีแต่กระดูกนั้นสวมแหวนเก้าวงซึ่งมีพลังต่างกัน รวม
ถึงสร้อยคอ ปลอกแขน รองเท้าบูต ผ้าคลุม เสื้อนอก รัดเกล้า ทุกอย่างล้วน
เป็นของระดับก็อดส์ ซึ่งถ้าเอามาคิดเป็นเงินคงได้ราคาที่น่าตื่นตะลึงแน่นอน

                เกราะอกและไหล่มีเสื้อคลุมที่หรูหรากว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น
                 
                นอกจากนี้ยังมีออร่าสีดำแดงดำวูบไหวไปมาตรงเท้า เป็นออร่าชั่วร้าย
ที่ดูน่าขนพองสยองเกล้า แต่นี่ไม่ได้เกิดจากสกิลพิเศษของโมมอนกะ เพราะ
ข้อมูลของผ้าคลุมมีพื้นที่เหลือ เขาจึงใส่แอฟเฟกต์ ' ออร่าน่าพรั่นพรึง' ลง
ไปด้วยเท่านั้น แน่นอนว่าต่อให้แตะโดนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                  ปลายสายตาโมมอนมอนกะเห็นตัวเลขหลากหลายผุดเด้งขึ้น
บ่งบอกค่าความสามารถต่างๆ กำลังเพิ่ม

                 เมื่อเปลี่ยนยุทภัณฑ์เสร็จทั้งหมด โมมอนกะก็พยักหน้าพึงพอใจ
แบบสมเป็นหัวหน้ากิลด์ จากนั้นยื่นมือไปจับไม้เท้าไอ.์ อูล โกว์น

                 ทันใดนั้นเองก็มีออร่าสีดำแดงแผ่วูบไหวมาจากไม้เท้า บางครั้งออร่า
นั้นก็ก่อตัวเป็นรูปหน้าคนบิดเบี้ยวเบ้ทรมาน 

                 "...ใส่ลายละเอียดมากเกินไปสินะ"

                 ไม้เท้าระดับสุดยอดที่ไม่เคยถือสักครั้งตั้งแต่สร้างมา เมื่อถึงวัน
ให้บริการวันสุดท้ายของอิกดราซิล ในที่สุดไม้เท้าก็มาอยู่ในมือของเจ้าของ
ที่เเท้จริง

                 โมมอนกะมองดูสเตตัสของตัวเองที่ไอคอนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
พร้อมกันนั้นรู้สึกหงอยเหงา

                 "ไปกันเถอะ สัญลักษณ์แห่งกิลด์ไอซ์ อูล โกน์วเอ๋ย ไม่สิ...สัญลักษณ์แห่งกิลด์
ของข้าเอ๋ย"



part 2

         โมมอนกะเดินออกจากห้องที่ได้รับชื่อว่าราวนด์เทเบิล (โต๊ะกลม)

         ถ้าไม่นับเรื่องเงื่อนไขพิเศษแล้ว เวลาคนที่มีแหวนสมาชิกกิลด์เข้ามาใน
เกมก็จะถูกส่งมาที่ห้องนี้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นหากจะมีใครสักคนกลับมา
ก็ควรรออยู่ในห้องนั้น แต่โมมอนกะเชื่อว่าคงไม่มีสมาชิกกิลด์คนไหนกลับ
มาอีกแล้ว เพลเยอร์ที่รอช่วงเวลาสุดท้ายอยู่ในมหาสุสานใต้พิภพนาซาลิค
แห่งนี้มีโมมอนกะเพียงผู้เดียว

        โมมอนกะพยามยามสะกดกั้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นคลั่ง
ขณะเดินไปในปราสาทอย่างเงียบๆ

        ที่นั่นชวนให้นึกถึงปราสาทสีขาว เป็นโลกซึ่งมีทั้งความศักดิ์สิทธิ์และวิจิตรงดงาม

        บนเพดานสูงลิบมีโคมระย้าห้อยเรียงกันเป็นระยะ ส่องแสงอบอุน
       
        พื้นทางเดินกว้างถูกขัดเป็นมันวาวคล้ายหินอ่อน สะท้อนแสงจาก
เพดานจนเปล่งประกายคล้ายดวงดาวที่พร่างพราย

        หากเปิดประตูที่เรียงรายอยู่ตรงสองข้างทาง คงโดนความงดงามของ
เครื่องเรือนภายในนั้นดึงดูดสายตา

         ถ้าที่นี่มีบุคคลที่สามอยู่ต้องตกตะลึงเป็นแน่

         มาหาสุสานใต้พิภพนาซาลิคที่มีชื่อเสียงด้านความชั่วร้ายแห่งนี้มี
พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นสถาณที่เกิดตำนานที่ว่า สัมพันธมิตรแปดกิลด์
และกิลด์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพลเยอร์ทหารรับจ้างและ NPC ทหารรับจ้าง
จำนวนกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน...เรียกได้ว่าเป็นกองทัพใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิด
เซิร์ฟเวอร์...เคยตั้งกองทัพบุกมาเพื่อหวังพิชิต แต่ก็พ้ายแพ้ย่อยยับ




ชั้นที่ 1-3 -------------------   ส่วนของสุสาน
ชั้นที่ 4 ----------------------   ชั้นทะเลสาบใต้ดิน
ชั้นที่ 5 ----------------------   ชั้นธารน้ำแข็ง
ชั้นที่ 6 ----------------------   ชั้นป่าดงดิบ
ชั้นที่ 7 ----------------------   ชั้นภูเขาไฟใต้ดิน
ชั้นที่ 8 ----------------------   พื้นที่รกร้าง
ชั้นที่ 9 ----------------------   ชั้นรอยัล สูท
ชั้นที่ 10 --------------------   ท้องพระโรง

        มหาสุสานใต้พิภพนาซาลิคแห่งนี้เดิมมีโครงสร้างเป็นหกชั้น แต่
หลังมาอยู่ภายใต้การครอบครองของไอซ์ อูล โกว์นสถาณที่แห่งนี้ก็
เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันแบ่งออกเป็นสิบชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีสีที่พิเศษ
แตกต่างกันไป
ฐานที่มั่นของไอซ์ อูว โกว์นหนึ่งในสิบสุดยอดกิลด์แห่งอิกดราซิลที่มีกิลด์มากกว่าพันกิลด์นั่นเอง


       เสียงฝีเท้าของโมมอนกะเเละเสียงแข็งๆ ตอนไม้เท้ากระทบพื้น ดัง
สะท้อนในโลกที่เหมาะกับคำว่าสูงส่ง หลังเดินผ่านทางเดินกว้าง
เลี้ยวตรงหัวมุมอีกหลายครั้ง โมมอนกะก็สังเกตุเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดิน
เข้ามาจากข้างทางด้านหน้า

      เธอเป็นหญิงสาวผมทองยาวสลวย และมีใบหน้างดงาม

      ชุดที่เธอใส่อยู่คือชุดเมดที่มีผ้ากันเปื้อนผืนใหญ่และกระโปรงยาว

       ร่างเพรียวสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เนินอกอวบอิ่มเห็น
ชัดจากชุดเมดราวกับจะแสดงตัวตนให้คนอื่นได้รับรู้

       โดยภาพรวมแล้วดูอ่อนหวานเล็กน้อย

       เมื่อทั้งสองเดินมาใกล้กัน หญิงสาวก็หลีกไปอยู่ข้างทางแล้วค้อม
ศรีษะแสดงความเคารพโมมอนกะ

        โมมอนกะจึงยกมือมาทักทายกลับ

         แต่สีหน้าของหญิงสาวไม่ได้เปลี่ยนไป เธอผุดยิ้มบางๆ แทบไม่ต่าง
จากเมื่อครู่ ภายในเกมที่ชื่อว่าอิกดราซิลนี้ไม่มีโปรแกรมสำหรับเปลี่ยนแปลง
สีหน้า แต่ในกรณีของเทอต่างออกไปเล็กน้อย

          เมดนั้นคือ NPC (Non Player Character) ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่
คนกำลังเคลื่อนไหว แต่เป็นโปรแกรม... AI ที่ถูกสร้างขึ้น สรุปคือเป็น
เหมือนหุ่นโชซ์ที่เคลื่อนไหวไปมา แม้จะแสดงความเคารพด้วยท่าทีอ่นช้อย
แค่ไหน ก็ล้วนเป็นแค่การเคลื่อนไหวตามโปรแกรมเท่านั้น

           ดังนั้นจะบอกว่าที่โมมอนกะยกมือทักทายกลับนั้นเป็นการกระทำที่
งี่เง่าก็คงได้ แต่เขามีเหตุผลที่ไม่อยากเมินเฉย

            เมด NPC จำนวนสี่สิบเอ็ดคนที่ทำงานอยู่ในมหาสุสานใต้ต้พิภพ
นาซาลิค ล้วนถูกสร้างจากภาพวาดคนละภาพกัน คนที่ออกแบบให้คือหนึ่ง
ในสมาชิกกิลด์ที่ตอนนั้นหาเลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพการ์ตูน และปัจจุบันก็
กำลังวาดการ์ตูนลงนิตยสารรายเดือน

             โมมอนกะมองเมดไม่วางตา นอกจากหน้าตาแล้วสิ่งที่เค้าสนใจคือ
ชุดเมด

               ชุดนั้นสร้างขึ้นอย่างประณีตจนน่าตกใจ โดยเฉพาะรายปักละเอียดละออ
บนผ้ากันเปื้อนนั้นถึงขั้นน่า่ตกตะลึง

              สมเป็นภาพจากฝีมือคนที่เคยพูดว่า 'ชุดเมดคืออาวุธลับสุดยอด'
จริงๆ ละเอียดจนเข้าขั้นเกินปกติ ทำให้ผู้รับผิดชอบสร้างเสื้อผ้าถึงกับ
ร้องเสียงหลงเหมือนกัน โมมอนกะหวนคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น

             "อ้อ จริงด้วย...เห็นพูดว่า 'ชุดเมดคือทุกอย่างของฉัน' ตั้งแต่ตอนนั้น
แล้วสินะ... จะว่าไปการ์ตูนที่เขียนอยู่ก็มีเมดเป็นนางเอกด้วย เล่นวาดละเอียด
ขนาดนั้น ผู้ช่วยไม่ร้องไห้แย่หรอครับ คุณไวท์บริม?"

           ส่วนคนที่ช่วยออกแบบโปร AI เคลื่อนไหวเฮโรเฮโรกับ
โปรแกรมเมอร์คนอื่นอีกห้าคน

            สรุปคือเมดนั้นเกิดจากความร่วมมือของสมาชิกกิลด์เช่นกัน ถ้าทำ
เป็นไม่สนใจคงดูน่าเศร้าไปสักหน่อย เมดคนนี้คือหนึ่งในความทรงจำอัน
เจิดจ้าไม่ต่างจากไม้เท้าไอซ์ อูล โกว์น

              ในขณะโมมอนกะกำลังคิดเช่นนั้น เมดก็เงยหน้าขึ้นและเอียงคอ
เล็กน้อยคล้ายจะถามว่ามีอะไรไหมคะ

              หากอยู่ใกล้ๆ เกิดช่วงเวลาหนึ่งจะแสดงท่าทางแบบนี้หรอเนี่ย
              โมมอนกะรู้สึกประทับใจโปรแกรมอันละเอียดอ่อนของเฮโร เฮโร ต้อง
มีท่าโพสอีกหลายแบบซ่อนไว้แน่ ถึงจะอยากจะเห็นทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่
ไม่มีเวลาเหลือแล้ว

              โมมอนกะหันมองแผ่นนาฬิกาโปร่งแสงที่ลอยอยู่บนข้อมือซ้ายเพื่อ
ตรวจสอบเวลาปัจจุบัน

              ดูเหมือนว่าไม่มีเวลามาเอ้อระเหยแล้วจริงๆ
         
              "ขอบใจที่คอยทำงานให้นะ"

              โมมอนกะบอกก่อนเดินผ่านข้างเมดไป แม้จะไม่มีคำตอบกลับมาให้
แต่เขาคิดว่าอย่างน้อยๆ ในวันสุดท้ายก็ควรพูดเช่นนั้นกับเธอ

              โมมอนกะทิ้งเมดไว้แล้วออกเดนอีกครั้ง

              จากนั้นไม่นาน เบื้องหน้าโดมอนกะก็ปรากฏบันไดกว้างขนาดคน
สิบคนกลางแขนเดินลงได้พร้อมกันได้ เขาก้าวเดินเชื่องช้าลงบันไดที่ปูพรมแดง
หรูหรา จนกระทั่งมาถึงชั้นล่างสุด...ชั้นที่สิบของมหาสุสานใต้พิภพนาซาลิค

              ด้านล่างของบันไดคือห้องโถงขนาดใหญ่ คนหลายคนยืนอยู่ที่นั่น

               คนแรกที่เห็นคือชายชราในชุดพ่อบ้านแบบดั้งเดิม

              ผมสีขาวโพลน หนวดเครารอบปากก็ขาวเช่นกัน แต่แผ่นหลังกลับ
ยืดตรงประหนึ่งดาบทำจากเหล็กไหล ใบหน้าแบบคนขาวซึ่งมีรอยเหี่ยวย่น
นั้นดูโอบอ้อมอารีก็จริง แต่แววตากลับเฉียบคมเหมือนเหยี่ยวจับจ้องเหยื่อ

              ส่วนด้านหลังของพ่อบ้านคือเมดหกคนที่คอยตามติดดั่งเงา แต่ชุดที่พวกเธอสวมนั้นแตกต่างจากเมดเมื่อครู่มาก

              เกราะแขนขาโลหะสีน้ำเงิน สีทอง และสีดำ ชุดเกราะที่เอา
แรงบันดาลดาลใจมาจากชุดเมดแบบในการ์ตูน บนศรีษะมีที่คาดผมเมดสีขาว
แทนหมวกเกราะ ในมือทุกคนยังถืออาวุธที่แตกต่างกัน ถ้าจะให้พูดคง
เหมาะกับคำว่านักรบเมด

              ทรงผมมีทั้งผมมวย ผมหางม้า ผมตรง ผมเปีย ผมลอน และเกล้าผม
สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคงเป็นความสวยที่ผิดปรกติ ซึ่งมีทั้งสวยยั่วยวน สวย
อย่างสุขภาพดี แล้วก็สวยแบบตะวันออกปะปนกันไป
              
              แน่นอนว่าทุกคนเป็น NPC แต่ต่างจากเมดที่สร้างขึ้นแบบเล่นๆ
เมื่อครู่นี้ เพราะพวกเขามีไว้เพื่อจัดการกัลผู้บุกรุก



              ในเกมอิกดราซิลนั้น กิลด์ที่ครอบครองฐานที่มั่นระดับปราสาทขึ้นไป
จะได้รับของแถมพิเศษหลายชิ้น

              หนึ่งในนั้นคือ NPC สำหรับปกป้องฐานที่มั่นของตัวเอง

              ของมหาสุสานใต้พิภพนาซาลิคคืออันเดดมอนสเตอร์ โดย NPC ทีี่มี
เลเวลถึงสามสิบเหล่านี้จะปรากฏตัวขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แม้จะถูกฆ่า แต่
หากปล่อยไว้พักนึงก็คืนชีพโดยที่กิลด์ไม่เสียค่าใช้จ่าย

              เพียงแต่ NPC เหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรนูปลักษณ์ภายนอก
หรือเปลี่ยน AI ได้ตามต้องการ

              ดังนั้นจึงอ่อนแอเกินกว่าจะใช้รับมือผู้บุกรุก...หรือก็คือรับมือกับ
เพลเยอร์นั่นเอง

              ขณะเดียวกัน มีของแถมพิเศษอีกแบบ นั่นคือสิทธิ์ในการสร้าง NPC

เองตั้งแต่ต้น ซึ่งหากยึดครองที่มั่นของกิลด์อ่อนแอระดับปราสาทได้ จะได้
สิทธฺ์การสร้าง NPC ตามต้องการขั้นต่ำสุดเจ็ดร้อยเลเวล

              เช่น เลเวลสูงสุดของอิกดราซิลคือหนึ่งร้อย ก็อาจสร้างเลเวลหนึ่ง
ร้อยจำนวนห้าคน กับเลเวลสิบห้าจำนวนสี่คน เป็นต้น

              หากเป็น NPC แบบนี้ จะดัดแปลงรูปลักษณ์ AI รวมทั้งติดอาวุธ
ได้ตามต้องการ จึงแข็งแกร่งกว่า NPC ที่ปรากฏตัวแบบอัตโนมัติลิบลับ
และส่งไปประจำการยังฐานที่มั่นสำคัญได้

              แต่แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องสร้างเพื่อต่อสู้เสมอไป เพราะกิลด์ครอง
ปราสาทกิลด์หนึ่งที่ชื่อว่า 'มหาอาณาจักท่านแมวเหมียว' ยังสร้าง NPC
เป็นแมวหรือตะกูลแมวทั้งหมด

              จะบอกว่าเป็นสิทธิ์ในการสร้างเอกลักษณ์ตามสไตล์กิลด์นั้นๆ คง
ไม่ผิดแต่อย่างใด



              "อืม"

              โมมอนกะเอามือจับคางแล้วมองพ่อบ้านกับเหล่าเมดที่อยู่เบื้องหน้า
ปกติเเล้วโมมอนกะจะใช้เวทเคลื่อนย้ายจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง จึง
ไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่ เขารู้สึกคิดถึงหน้าตาของพวกพ่อบ้านเล็กน้อย

              โมมอนกะยื่นมือไปที่แผงควบคุม เปิดข้อมูลที่มีแต่สมาชิกกิลด์ที่ดูได้
หลังจากใส่เครื่องหมาถูกลงในเช็กบ็อกซ์อันหนึ่ง ก็มีชื่อปรากฏขึ้นเหนือ
ศรีษะของพวกพ่อบ้านทันที

              "ชื่อนี้เองหรอเนี่ย"

              โมมอนกะยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มเจื่อนให้ตัวเองที่จำชื่อของ NPC
ไม่ได้ รวมทั้งเป็นรอยยิ้มเจือความคิดถึงที่ได้ดึงชื่อนั้นออกมาจากซอกหลืบความทรงจำ

              บทบาทของพ่อบ้าน...ของเซบาสคือการดูแลทุกอย่าง รวมถึงคอย
ควบคุมเมดคนอื่น

              ส่วนเมดหกคนที่อยู่รอบๆ คือหน่อยเมดนักรบที่สังกัดกับเซบาส
โดยตรง โดยมีชื่อทีมว่า 'ไพยาดีส (ดาวลูกไก่)' นอกจากเมดพวกนี้แล้ว
สั่งการคนรัยบใช้ชายและผู้ช่วยพ่อบ้านคนอื่นๆ ด้วย

              ดูจากไฟล์ล็อคแล้วเขียนกำหนดค่าไว้ละเอียดมากมาย แต่
โมมอนกะไม่คิดจะอ่านจนหมด เนื่องจากตอนนี้เวลาใกล้หมดแล้วและเขา
ก็มีที่ที่อยากนั่งรอจนถึงเวลาปิดให้บริการด้วย

              อนึ่ง ที่เมดและ NPC ทั้งหมดมีลายละเอียดปลีกย่อยมากมาย
แบบนี้ เป็นเพราะในไอซ์ อูล โกว์นมีคนที่ชอบออกแบบละเอียดๆ อยู่
หลายคนนั่นเอง เนื่องจากมีอิลลัสเตเตอร์กับโปรแกรมเมอร์อยู่มาก จึงยิ่ง
ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก

              ความจริงแล้วเซบาสกับพวกเมดคือปราการสุดท้านในการรับมือ
ผู้บุกรุก แต่คงไม่มีทางเล่นงานเพลเยอร์ที่สามารถบุกมาถึงที่นี่ได้ ดังนั้นจึง
มีไว้แค่เพื่อถ่วงเวลา เพียงแต่ไม่เคยมีเพลเยอร์คนไหนบุกเข้ามาถึงที่นี่ได้
เลยสักคน พวกเขาจึงได้แต่รอเวลาออกโรงอยู่แบบนี้เรื่อยมา
              

Previous
Next Post »